สวัสดีค่ะ
เมื่อเรามองขึ้นไปบนท้องฟ้า บางวันอาจเห็นเมฆเต็มอยู่บนนั้น แต่บางวันก็ไม่เห็นเลยเคยสงสัยกันไหมว่า ก้อนเมฆที่เราเห็นนั้นมีชื่อเรียกไหม งั้นเรามาทำความรู้จักกับก้อนเมฆกันเถอะค่ะ
ประเภทองเมฆ
เมฆแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่ แบ่งตามความรูปร่าง แบ่งตามความสูง
แบ่งตามรูปร่าง
สเตรตัส (stratus) หมายถึง ลักษณะเป็นชั้น
แบ่งตามรูปร่าง
แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ แบ่งเป็นชั้น ( layered) ในแนวนอน และ แบบลอยตัวสูงขึ้น (convective) และจะมีคำที่ใช้ในการเรียกชื่อลักษณะของเมฆแตกต่างกันไป
สเตรตัส (stratus) หมายถึง ลักษณะเป็นชั้น
คิวมูลัส (cumulus) หมายถึง ลักษณะเป็นกองสุม
เซอร์รัส (cirrus) หมายถึง ลักษณะเป็นลอนผม
นิมบัส (nimbus) หมายถึง ฝน
แบ่งตามความสูง
แบ่งตามความสูง
โดยความสูงของเมฆจะวัดจากฐานเมฆ ไม่ได้วัดจากยอดก็จะมีคำที่ใช้เรียกในแต่ละระดับ และมี 3 ระดับด้วยกัน ได้แก่
เมฆระดับสูง ( High clouds )
ก็จะมีคำว่า “ เซอร์โร หรือเซอร์รัส” อยู่ในชื่อและจะมีระดับความสูงมากกว่า 16,500 ฟุต หรือ 5,000 เมตร อยู่ในชั้นบรรยากาศโทรโพสเฟียร์ ซึ่งชั้นนี้น้ำจะแข็งตัว ทำให้เมฆประเภทนี้มีมีส่วนประกอบเป็นผลึกน้ำแข็ง เมฆระดับสูงมี 3 ชนิด ได้แก่
เซอโรสเตรตัส (Cirrostratus) : มีฐานสูงเฉลี่ย 8,500 เมตร มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ สีขาว โปร่งแสงเหมือนม่านติดต่อกันเป็นแผ่นในระดับสูงเป็นผลึกน้ำแข็ง มักปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง และทำให้เกิดวงแสงสีขาวหรือมีวงแสง (Halo) รอบดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ได้ (ดวงอาทิตย์หรือดวงจันทร์ทรงกลด)
เซอโรคิวมูลัส (Cirrocumulus) : มีฐานสูงเฉลี่ย 7,000 เมตร เมฆสีขาว มีลักษณะคล้ายเกล็ดบางๆ หรือระลอกคลื่นเล็กๆ เป็นผลึกน้ำแข็ง โปร่งแสง และเรียงรายกันเป็นระเบียบ
เซอรัส (Cirrus) : มีฐานสูงเฉลี่ย 10,000 เมตร มีลักษณะเป็นริ้ว สีขาว โปร่งแสง และเป็นผลึกน้ำแข็ง ลักษณะคล้ายขนนกเพราะถูกกระแสลมชัดบนพัด มักเกิดขึ้นเวลาที่สภาพอากาศดี
เมฆระดับกลาง ( Medium clouds / Meddle clouds )
จะมีคำว่า “ อัลโต ” จะมีความสูงระหว่าง 6,500 – 16,500 ฟุต หรือ 2,000 – 5,000 เมตร เมฆประเภทนี้จะประกอบด้วยละอองน้ำ เมฆระดับนี้มี 2 ชนิด ได้แก่
อัลโตสเตรตัส (Altostratus) : เมฆแผ่นหนาสีเทาที่ปกคลุมท้องฟ้าเป็นบริเวณกว้าง บางครั้งหนามากจนบดบังแสงอาทิตย์ได้
อัลโตคิวมูลัส (Altocumulus) : เมฆก้อนสีขาว ลอยเป็นแพห่างกันไม่มาก มีช่องว่างระหว่างก้อนเพียงเล็กน้อย มองดูคล้ายฝูงแกะ คล้ายเมฆเซอโรคิวมูลัส แต่ขนาดใหญ่กว่ามาก
เมฆระดับต่ำ ( Low clouds )
จะมีความสูงต่ำกว่า 6,500 ฟุต หรือ 2,000 เมตร ประกอบด้วยเมฆ 5 ชนิด ได้แก่
สเตรตัส (Stratus) : เมฆแผ่นที่ลอยไม่สูงมากนัก มักเกิดในตอนเช้าหรือหลังฝนตก ถ้าลอยติดพื้นจะเรียกว่า “หมอก”
คิวมูลัส (Cumulus) : เป็นเมฆก้อนปุกปุย สีขาว รูปทรงคล้ายดอกกะหล่ำ มักก่อตัวในแนวดิ่ง ลอยกระจายห่างกัน และเกิดขึ้นเวลาที่สภาพอากาศแจ่มใสดี
นิมโบสเตรตัส (Nimbostratus) : เมฆสีเทา ทำให้เกิดฝนพรำ และมักปรากฏสายฝนจากฐานเมฆ
คิวมูโลนิมบัส (Cumolonimbus) : ก้อนเมฆฝนขนาดใหญ่ยักษ์ มีรูปทรงคล้ายดอกกะหล่ำและก่อตัวในแนวตั้งเช่นกัน ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง หากลมชั้นบนพัดแรง ยอดเมฆจะแผ่ออกคล้ายทั่ง
สเตรโตคิวมูลัส (Stratocumulus) : เมฆก้อนที่ไม่มีรูปทรงชัดเจน มักมีสีเทา ลอยต่ำ ติดกันเป็นแพ และมีช่องว่างระหว่างก้อนแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น มักพบเห็นเมื่อสภาพอากาศไม่ค่อยดีนัก
เป็นยังไงกันบ้างค่ะ รู้จักชื่อของเมฆกันไปแล้ว เรามาทำความรู้จักกับเมฆที่หายาก 10 อันดับกันค่ะ
10 อันดันเมฆหายาก
อันดับ 10 Altocumulus Castelanus
เมฆกลุ่มนี้คือจะเป็นพุ่มๆเหมือนแมงกะพรุน เกิดจากลมที่ชื้นๆจากกระแสน้ำอุ่นกัลฟ์สตรีม มาเจอกับอากาศแห้งๆ
อันดับ 9 Nacreous
เมฆชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นไข่มุกแห่งเมฆาเลยทีเดียว เพราะสีนวลตาและหลากสี ทำให้เพลินตาดี ซึ่งจะพบได้ที่แถบใกล้ๆขั้วโลกเช่นสแกนดิเนเวียตอนช่วงหน้าหนาว เวลาเย็นๆที่แสงอาทิตย์ส่องผ่าน เป็นเวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นที่เราจะเห็นแบบนี้
อันดับ 8 Mammatus Clouds
เมฆลักษณะแบบเป็นกระเปาะยื่นลงมา คนทั่วไปมักจะนึกว่าเดี๋ยวจะมีพายุเข้ามารึเปล่า จริงๆแล้ว เมฆนีไม่ใช่สัญญาณเตือนอันตรายแต่อย่างใด แต่มักเกิดขึ้นหลังจากที่พายุทอร์นาโดพ้นผ่านไปแล้วต่างหากล่ะ
อันดับ 7 Mushroom Clouds
เมฆแบบนี้คงไม่ใช่อะไรที่จะดีเท่าไหร่ เพราะมันเกิดจากการระเบิดอย่างแรง ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงกับระเบิดนิวเคลียร์
อันดับ 6 Noctilucent Clouds
เมฆชนิดนี้ตามชื่อ คือ เกิดขึ้นในช่วงกลางคืนแต่เรืองแสง ซึ่งเกิดที่บริเวณแถวๆใกล้ๆขั้วโลกโดยแสงอาทิตย์จากอีกฟากส่องมาปะทะกับเมฆ จึงเห็นเหมือนกับเรืองแสงได้
อันดับ 5 Cirrus Kelvin-Helmholtz
เมฆม้วนเป็นเกลียว โอกาสเกิดขึ้นยากมาก และเกิดขึ้นเป็นเวลา 2-3 นาที แล้วจากนั้นก็เละ เรียกว่า เป็นความบังเอิญมากจริงๆ
อันดับ 4 Lenticular Clouds
เมฆชนิดนี้เกิดจากหลยองค์ประกอบ ทั้งลมและความชื้น ทำให้รวมกลุ่มกลายเป็นเลนส์ได้
อันดับ 3 Roll Clouds
เป็นเมฆฝนถึงขั้นที่จะเกิดพายุ แต่เป็นเมฆก้อนใหญ่บวกกับความดันอากาศ ความร้อนและเย็น ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของเมฆเป็นการม้วน เลยดูเหมือนคลื่นขนาดใหญ่
อันดับ 2 Shelf Clouds
เมฆชนิดนี้มีลักษณะ คล้ายๆกับอันดับ 2 แต่อันนี้ไม่ได้เป็นการม้วน แต่เป็นชั้นๆเหมือนที่กำบัง บ้างก็ว่าเหมือนลิ้นชักและจะมาเป็นแนวตั้ง นอกจากนี้มันยังคล้อยตัวต่ำจนน่ากลัว และด้านในนั้นพายุกระหน่ำรวมทั้งอุณหภูมิที่ร้อนมากๆและการหมุนของพายุที่น่าสะพรึงกลัว
อันดับ 1 Stratocumulus Clouds
เมฆแบบนี้เกิดขึ้นได้ยาก ลักษณะมันก็เหมือนกับเอาดินน้ำมันมานวดๆ เลยออกมาเป็นเส้นยาวๆ และเผอิญว่าเส้นยาวๆจะแบ่งเป็นช่วงๆซะด้วย ทฤษฎีว่าด้วยเรื่องของการเกาะกลุ่ม
เนื้อหาดีมากเลย
ตอบลบสวยยยย เนื้อหาค่อนข้าดีด้วย
ตอบลบสวยยย เนื้อหาดี
ตอบลบสวยยยย อยากเห็นเมฆหายาก เนื้อหาดีด้วย
ตอบลบสวยงามมาก อยากเจอของจริงเลยย
ตอบลบ